Last updated: 10 Oct 2025 | 456 Views |
ภารกิจผลักดันแผน AI แห่งชาติ “เดินหน้าอย่างมีธรรมาภิบาล
ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์
ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA)
ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังก้าวเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกมิติของชีวิตและธุรกิจ “ประเทศไทย” ก็ไม่ได้นิ่งเฉยต่อกระแสคลื่นลูกนี้ ด้วยการขับเคลื่อน “แผนปฏิบัติการ AI แห่งชาติ” ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2565 และเพิ่งมีการปรับปรุงครั้งสำคัญเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม
ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในฐานะหนึ่งในหน่วยงานหลักที่มีบทบาทส่งเสริมและกำกับดูแลการใช้ AI ในประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึง ทิศทาง แผนงาน โอกาส และความท้าทาย รวมถึง ความจำเป็นในการใช้ AI อย่างมีจริยธรรมและธรรมาภิบาล
แผน AI แห่งชาติ พัฒนารอบด้านสู่อนาคตที่ยั่งยืน
ประเทศไทยมุ่งมั่นให้ AI กลายเป็น “ยุทธศาสตร์ชาติ” โดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมทั้งส่งเสริมให้ภาครัฐใช้ Cloud First Policy เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ สำหรับแผน AI แห่งชาติที่ปรับปรุงใหม่ ระยะดำเนินการ 2 ปีข้างหน้า ปี 2569–2570 หลังจากดำเนินการมาแล้ว 3 ปี ยังคงให้ความสำคัญกับกรอบหลัก 5 ด้าน ได้แก่
1. จริยธรรมและกฎหมาย มียุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนา AI อย่างมีจริยธรรม มีความน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ใช้งานมีความมั่นใจในวงกว้างมากขึ้น
2. โครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ไทยมีซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่า “LANTA” หน่วยประมวลผลขนาดใหญ่ที่มีไม่เกิน 30 แห่งในโลก มีการส่งเสริมการลงทุนดาต้า เซนเตอร์ คลาวด์ เซอร์วิส โดยมีบริษัทระดับโลกเข้ามาลงทุน เช่น AWS ไมโครซอฟต์ กูเกิล
3. การพัฒนาเทคโนโลยี AI เน้นส่งเสริมการใช้งานในอุตสาหกรรมพื้นฐานหลักของไทย เช่น เกษตรกรรม ท่องเที่ยว และการใช้งานภาครัฐ เผยแพร่แนวทางการใช้งาน AI ในองค์กร
4. การวิจัยและพัฒนา (R&D) มีหน่วยงานสนับสนุน เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ที่ให้ทุนสนับสนุนการวิจัย
5. การพัฒนาบุคลากร ทั้งในส่วนกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อพัฒนาหลักสูตร AI ตั้งแต่ระดับมัธยมถึงอุดมศึกษา เสริมภูมิคุ้มกันในการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม และธรรมาภิบาล
“การพัฒนาคน ถือหัวใจของการขับเคลื่อน AI ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายใหญ่ ภายในปี 2570 คือการสร้างบุคลากรด้าน AI โดยตั้งเป้าหมายอย่างน้อย ประชาชนทั่วไปที่รู้เท่าทัน AI อย่างมีธรรมาภิบาล ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน มีผู้เชี่ยวชาญด้าน AI 90,000 คน และผู้พัฒนา AI ระดับเทคนิค 50,000 คน ทั้งกระทรวง อว. และ ศธ. ได้เริ่มบรรจุหลักสูตร AI ตั้งแต่ระดับมัธยมถึงอุดมศึกษา โดยเน้น “จริยธรรมในการใช้ AI” ควบคู่กับการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี เพื่อให้คนไทย “ไม่เพียงใช้ AI ได้ แต่ใช้ได้อย่างปลอดภัยและรับผิดชอบ”
ยกระดับอุตสาหกรรมไทยด้วย AI อย่างมีธรรมาภิบาล
“AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น แต่คือโอกาสในการยกระดับทุกภาคส่วน” ดร.ชัยชนะ กล่าว โดยในช่วง 2 ปีนี้ ประเทศไทยจะผลักดันการใช้ AI อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม การท่องเที่ยว และภาครัฐ"
สำหรับเป้าหมายของแผน AI แห่งชาติในช่วง 2 ปีข้างหน้า จะให้ความสำคัญกับ 2 ส่วนหลัก คือ Readiness ทำให้ประเทศไทยมีความพร้อม ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน กำลังคน เน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาบุคลากรให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และ Adoption การส่งเสริมการใช้งานจริง โดยภาครัฐสร้างกลไกเข้าไปสนับสนุนการทำงานให้ชัดเจนขึ้น
ETDA มีบทบาทหน้าที่ มุ่งเน้นการส่งเสริมให้หน่วยงานต่าง ๆ ใช้ AI อย่างมี “ธรรมาภิบาล” (Governance) โดยมุ่งให้ AI ที่ใช้งานในประเทศต้อง โปร่งใส อธิบายได้ เชื่อถือได้ และไม่ลำเอียง (Unbiased)
“เราให้ความสำคัญกับการออกแบบแนวทางการใช้ AI ภายในองค์กร ทั้งในภาครัฐและเอกชน เช่น การคัดใบสมัครงานด้วย AI ต้องระวังไม่ให้เกิดอคติจากข้อมูลเทรนที่ไม่สมดุล” ดร.ชัยชนะ กล่าว พร้อมเสริมว่า ETDA พัฒนาเครื่องมือ AI Governance Toolkit ให้หน่วยงานสามารถนำไปใช้ได้ทันที ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุน และเพิ่มความเชื่อมั่นในการใช้งาน AI
ETDA ได้สนับสนุนให้เกิด AI Use Case ในภาคอุตสาหกรรม เช่น การใช้ AI วิเคราะห์ภาพควบคุมคุณภาพสินค้าในสายการผลิต หรือ AI วิเคราะห์ข้อมูลตลาดเพื่อจัดซื้อจัดจ้างอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
ในอีก 2 ปีข้างหน้า ดร.ชัยชนะ เชื่อว่าประเทศไทยจะมีความพร้อมด้าน AI เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่อง บุคลากรพร้อมใช้ AI ได้อย่างเข้าใจ ภาคอุตสาหกรรมมีโซลูชั่นใช้งานจริง SME เข้าถึง AI ได้มากขึ้นด้วยแพ็กเกจสนับสนุนจากรัฐ และประชาชนมีเครื่องมือช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล
การกำกับดูแล AI แบบสมดุล
ดร.ชัยชนะ กล่าวว่า สำหรับกฎหมาย AI ของไทยอยู่ระหว่างการพัฒนา โดยเน้นหลักการ “ส่งเสริมการใช้ ควบคุมเท่าที่จำเป็น” ซึ่งรวมถึงแนวทางสำคัญ 3 ข้อ
1. รับรองธุรกรรมโดย AI เช่น การใช้ AI เจรจาสัญญาทางธุรกิจแบบอัตโนมัติ
2. พื้นที่ทดลอง (AI Sandbox) ให้เอกชนสามารถพัฒนานวัตกรรมในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
3. กำกับตามความเสี่ยง เช่น หากเป็น AI ที่เสี่ยงสูงจะมีมาตรการควบคุมที่เข้มข้นขึ้น
ร่างกฎหมาย AI ฉบับนี้ได้รับการทบทวนให้สมดุลระหว่างการป้องกันความเสี่ยงกับการเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะเสนอเข้าสู่กระทรวงดิจิทัลฯ ภายในเดือนสิงหาคมนี้
ในมุมมองของ ดร.ชัยชนะ มีความเห็นว่า AI เป็น “ผู้ช่วย” ไม่ใช่ “ศัตรู” “AI ไม่ได้แย่งงาน แต่เปลี่ยน ‘บทบาทของคน’ ไปสู่สิ่งที่มีมูลค่าสูงขึ้น” ดร.ชัยชนะ อธิบาย พร้อมยกตัวอย่างใน ETDA ที่ปรับให้พนักงานใช้ AI สร้างเอกสาร และเปลี่ยนหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบเอกสารแทน
ในภาคสื่อมวลชน AI ส่งผลกระทบสูงเช่นกัน โดยเฉพาะ Generative AI ที่ผลิตคอนเทนต์ได้แทบทุกประเภท “วงการสื่อต้องเร่งปรับตัว ใช้ AI เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่ศัตรู” พร้อมเสนอให้มีแนวปฏิบัติ (Guideline) และเครื่องมือตรวจสอบคอนเทนต์ เช่น Watermark หรือระบบยืนยันแหล่งที่มา เพื่อรักษาคุณภาพของเนื้อหา
ดร. ชัยชนะ มองว่า การใช้ AI ในอุตสาหกรรมสื่อ เป็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปได้ทั่วโลก ช่วยปลดล็อกด้านภาษา ขณะเดียวกันเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมให้อุตสาหกรรมสื่อเข้มแข็งมากขึ้น รวมถึงบทบาทของสมาคมวิชาชีพที่ต้องช่วยกันขจัดสื่อปลอม ตรวจสอบเนื้อหาดีปเฟค ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอินเทอร์เน็ต
“AI คือโอกาสที่ต้องคว้าไว้ แต่ต้องเดินหน้าอย่างมีธรรมาภิบาล” คือประโยคที่สรุปแนวคิดสำคัญที่สุดของบทสัมภาษณ์นี้ เพราะในท้ายที่สุด เป้าหมายของการพัฒนา AI ของไทยไม่ใช่เพียงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่เพื่อสร้าง “อนาคตที่ปลอดภัย เท่าเทียม และยั่งยืน” สำหรับทุกคน