Last updated: 26 ก.ย. 2568 | 585 จำนวนผู้เข้าชม |
สื่อต้อง Reborn ตัวเอง เพื่อรับมือกับ AI
ระวี ตะวันธรงค์’ ที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์
การรุกคืบเข้ามาของ AI ในโลกยุคใหม่ แน่นอนว่าด้านหนึ่งก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผลที่รวดเร็วมากกว่าการใช้ฝีมือมนุษย์เป็น 10 เป็น 100 เท่า ซึ่งหากมนุษย์ไม่ปรับตัว อาจถูก AI แย่งงานไปได้ อุตสาหกรรมสื่อก็เช่นเดียวกัน หากไม่ ‘Reborn’ ตัวเอง จะได้รับผลกระทบยิ่งกว่ามหันตภัย
‘ระวี ตะวันธรงค์’ กรรมการจริยธรรม สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ อดีตนายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา ได้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมสื่อ หลังจากการเข้ามาของ AI ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และรุนแรงขึ้นในช่วง 3 ปีหลัง หลังจาก AI ถูกนำมาใช้ในการกระบวนการผลิตสื่ออย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในต่างประเทศ
“การเข้ามาพลิกโฉมวงการสื่อของ AI เกิดขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่มีการใช้งานอย่างจริงจัง อุตสาหกรรมสื่อ การผลิตรายการ ข่าว ละคร และอื่น ๆ ผลสำรวจของ World Association News Provider ซึ่งสมาชิก 120 ประเทศทั่วโลก ประเมินว่ามีการใช้ AI ใน News Room เพิ่มขึ้น 64% โดยเฉพาะในสำนักข่าวใหญ่ ๆ อย่าง การ์เดียน เอพี รอยเตอร์ บีบีซี ซีเอ็นเอ็น เป็นต้น และมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นตามเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นตามลำดับ”
ระวี ได้เขียนถึงผลกระทบจากการเข้ามาของ AI จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 3 ด้าน ในอุตสาหกรรมสื่อ ดังนี้
1. Content is always King สื่อต้องปรับ Content direction, Brand identity, Present persona ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายที่คิดว่าเขาจะเชื่อเรา รักเรา มั่นใจเรา ไม่ใช่ทำข่าวเพื่อทุกคนอีกต่อไป
2. DATA is Queen to support King การวิเคราะห์กลุ่มผู้ชมให้ชัด การมองเห็นข้อมูลเชิงลึกในการพัฒนาคอนเทนต์ รู้ว่าจะทำคอนเทนต์ให้ใครดู และการพัฒนาสู่การเข้าถึงผู้ชมให้มากกว่าแค่ดู
3. Platform is Child but need priorities who No.1 หมดเวลาทำ 1 คอนเทนต์ ออกทุกแพลตฟอร์ม สื่อต้องวางจุดยืนให้ชัดจาก DATA ว่าจะสื่อสารกับใคร และคนนั้นอยู่แพลตฟอร์มไหน สื่อรุ่นใหม่ใช่ TikTok แต่สื่อดั้งเดิมอาจทำไม่ได้ ต้องหันไปใช้ YouTube จะเข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้ตรงกว่า
“กระแส AI กระทบรุนแรงแน่นอน โดยเฉพาะคนไทย ที่พึ่งพาแพลตฟอร์มต่างชาติ เขาจะปรับอย่างไร เราก็ต้องปรับตาม ซึ่งจะส่งผลทางธุรกิจ พนักงาน และอาชีพนี้โดยตรง”
สื่อยุค Survivor Mode ต้องอยู่รอดด้วยการ Reborn รับมือ New Ecosystem และ AI
สำหรับอุตสาหกรรมสื่อในประเทศไทย มีการตื่นตัวในการนำ AI มาใช้เช่นเดียวกัน แต่ยังอยู่ในระดับบุคคลมากกว่าองค์กร เช่น นักข่าวใช้ AI ในการถอดเทป สร้างภาพประกอบข่าว คลิปวิดีโอสั้น การตัดต่อแบบง่าย ๆ ดังนั้นคุณภาพในการผลิตสื่อจึงขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของบุคลากร แต่สำหรับองค์กรการนำ AI มาใช้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะโครงสร้างของอุตสาหกรรมสื่อไทยมีความเปราะบาง
“แม้สื่อในประเทศไทย จะยังไม่นำ AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมสื่อตอนนี้ก็หนักยิ่งกว่าสึนามิ ด้วยวิกฤตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะทีวีดิจิทัล ที่ขณะนี้ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนจากกสทช. หลังหมดสัญญาในปี 2572 ซึ่งประเมินได้ว่าอีก 4 ปีข้างหน้า จะมีคนตกงาน 2,000 – 3,000 คน แค่ในปีนี้ (2568) ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น มีคนออกจากอุตสาหกรรมสื่อไปอยู่ในสายงานอื่นไม่ต่ำกว่า 500 – 1,000 คน มองดูสภาพอุตสาหกรรมสื่อขณะนี้แทบจะเป็นทางตันพอสมควร” ระวีกล่าว
สภาพองค์กรสื่อ แม้จะยังไม่ได้นำ AI มาใช้ ยังประสบปัญหาหนัก หากนำ AI มาใช้ย่อมส่งผลกระทบแบบที่เรียกว่าเป็นมหันภัย เพราะหลายตำแหน่ง AI สามารถทดแทนได้ และช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการได้อย่างมาก ยกตัวอย่างวันนี้จ้างนักข่าว 1 คน ทำข่าวได้ประมาณ 3 ข่าว แต่จ้าง AI เดือนละ 700 บาท วันหนึ่งทำข่าวได้ 20 ชิ้น แต่สิ่งสำคัญ คือคนที่จะมาตรวจสอบการทำงานของ AI ว่ามีข้อมูลที่ถูกต้อง ตามกรอบจริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพหรือไม่
“วันนี้แค่อัปสกิล รีสกิลไม่พอ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ จะเป็น บรรณาธิการ ผู้บริหาร หรือเป็นนักข่าวรุ่นใหม่ ตัดต่อ ช่างภาพ คุณต้องรีบอนด์ตัวเองใหม่ ต้องคิดแบบเกิดใหม่ เดิมเป็นนำเต็มแก้ว ครึ่งแก้ว วันนี้ต้องเทน้ำทิ้งและเริ่มใหม่ ต้องเปลี่ยนวิธีการ กระบวนการ เพื่อเข้าสู่ยุคเซอร์ไวเวอร์ โหมด เอาตัวรอดให้ได้ สำคัญที่สุด”
ระวี กล่าวว่า ผู้ที่จะเหลือรอด จะต้องอยู่บนพื้นฐานที่ต้องรอด ต้องรอดบนการมองตัวเองใหม่ อย่างสื่อโทรทัศน์ ต้องเปลี่ยนมุมมองจาก TV Centric เป็น Multi - Platform Centric มองทีวีเป็นแค่หนึ่ง Display แต่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ต้องคิดว่าทำอย่างไรจะหาโอกาสจากแพลตฟอร์มที่เกิดใหม่ ทีวีบางช่องอาจจะทำเนื้อหารายการสารคดีเผยแพร่บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เป็นปัจจุบันที่จะอยู่รอดได้ อย่างยั่งยืนและปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ภายใต้วิกฤติก็มีโอกาส การเข้ามาของ AI จะช่วยสร้างสรรค์เนื้อหารายการที่หลากหลายได้รวดเร็ว สอดรับกับยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคมีความหลากหลาย มีความสนใจในเนื้อหารายการหลากหลายประเภท ดังนั้นหากสามารถสร้างสรรค์เนื้อรายการให้ตอบโจทย์ของคนได้ในหลายช่วงวัย หากสามารถผลิตเนื้อหารายการที่เข้าถึงคนเฉพาะกลุ่มได้ จะยิ่งได้ผู้ชมที่มีคุณภาพ การพัฒนาเนื้อหารายการที่มีคุณภาพและเจาะกลุ่มเฉพาะได้ก็มีโอกาสรอด
วางกรอบจริยธรรมในการกำกับดูแลยุค AI
ระวี กล่าวด้วยว่า หัวใจสำคัญของการทำสื่อในยุค AI อยู่ที่คนที่ควบคุม AI ต้องมีมาตรฐานเชิงจริยธรรม จรรยาบรรณ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่แต่ละประเทศมีความแตกต่าง ซึ่ง AI ไม่รู้เรื่องนี้ เป็นเรื่องของผู้ควบคุม และกำกับดูแล ในฐานะได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการจริยธรรม สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ กำลังหารือกันเรื่องนี้ ว่าจะหาจรรยาบรรณาในการทำวิชาชีพสื่ออย่างไร จะใช้เครื่องมือ AI อย่างไร ให้มีคุณภาพ และมีจริยธรรม
“ในต่างประเทศ ยังเป็นการกำกับดูแลกันเอง มีการทดลอง การทำ AI Literacy ให้ภาครัฐมากำกับดูแล แต่ยังไม่สำเร็จ อย่างในแอฟริกา เพราะพื้นฐานจริยธรรมแต่ละประเทศมีเส้นบาง ๆ ที่แตกต่างกันอยู่ หลักการสำคัญ คือการกำกับดูแลกันเอง เพราะการให้รัฐมากำกับ จะเสี่ยงมีความเอนเอียงของข้อมูลข่าวสาร สำหรับสื่อในประเทศไทยกำกับดูแลกันเอง สื่อออนไลน์ก็เช่นเดียวกัน แต่ยังไม่ได้ก้าวล่วงไปถึงครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ ที่ยังไม่มีการกำกับดูแล”
สำหรับแนวทางการกำกับดูแล ระวี บอกว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ มาตรฐานจริยธรรม จรรยาบรรณ มีหลายบรรทัดฐาน ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม อย่างไรก็ตาม หลักการข้อแรก ต้องไม่ละเมิดกฎหมาย ในพื้นฐาน AI ต้องไม่ละเมิดกฎหมาย ทั้งกฎหมายลิขสิทธิ์ ทรัพย์สินทางปัญญา ความรับผิดชอบ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายจับต้องได้ แต่จริยธรรมจับต้องไม่ได้ ต้องมีคนมาช่วยกลั่นกรอง ในการนำชิ้นงานจาก AI มาใช้ ซึ่งจะต้องวางแนวทางต่อไป แต่เบื้องต้นต้องไม่ละเมิดกฎหมาย และไม่กำกับดูแลจนทำงานยากเกินไป
นอกจากการกำกับดูแล คือต้องสนับสนุนและส่งเสริมด้วย ในฐานะที่เป็นสื่อมวลชน มีวิธีทำงานบนพื้นฐานวิชาชีพที่ร่ำเรียนมา ประสบการณ์บนพื้นฐานของจริยธรรมวิชาชีพ ถ้ามีใครกำกับดูแล ก็ไม่มีเสรีภาพ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นส่งเสริม สนับสนุนวิชาชีพให้แข็งแรง ส่งเสริมการทำงานบนพื้นฐานของจรรยาบรรณ เป็นแนวทางที่สำคัญกว่า
“วันนี้มีการเปิดคอร์สสอน AI เต็มไปหมด แต่ไม่มี Literacy การสอนให้ใช้เป็นไม่ยาก แต่สอนให้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ละเมิดกฎหมาย ต้องใช้เวลา สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการใช้ AI ในวิชาชีพสื่อสารมวลชน ที่ต้องมีการวางกรอบอย่างละเอียด รอบคอบ รัดกุม แต่ไม่ผูกมัดจนเกินไป” ระวีกล่าวและย้ำว่า อุตสาหกรรมสื่อในยุค AI อย่าไปคิดว่า AI จะมาเป็นผู้ตัดสินใจเรา ให้คิดว่า AI เป็นผู้ช่วย เรามีหน้าที่ควบคุม วางไกด์ไลน์ นำมาพัฒนางานให้มีคุณภาพ
“เป้าหมายสำคัญของคนทำสื่อ ไม่ว่าจะยุคหนังสือพิมพ์ หรือสื่อโทรทัศน์ สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ คือคุณภาพ ไม่ว่าจะทำรายการอะไร คุณภาพสำคัญที่สุด ไม่ต้องสั้น ยาว คุณภาพตอบโจทย์มิติความสนใจที่หลากหลาย เช่น ทำคอนเทนต์สำหรับผู้ชอบวงการกีฬา เจาะกลุ่มนักปั่นจักรยาน ออกกำลังกายเท่านั้น คอนเทนต์รักสุขภาพ แบบซื้อของแพง ซื้อของถูก หากเข้าใจอีโคซิสเต็มส์ และใช้ AI มาใช้ในการพัฒนาคอนเทนต์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ นี่คือโอกาสสำคัญ”
ระวี กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า "ทฤษฎีใหม่ของวงการสื่อ คือต้อง Reborn หมดยุคของการอัปสกิล รีสกิล ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ อยากเสนอว่าให้สื่อสารมวลชนทำตัวให้เป็นน้ำที่น้อยที่สุดในแก้ว แล้วคิดใหม่ ทำใหม่ บนพื้นฐานจริยธรรม และคุณภาพ และเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ AI ทำให้เรื่องใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้ทุกวัน สิ่งที่ดีที่สุด คือทำตัวให้พร้อมที่จะขี่ AI อย่าให้มันขี่เรา ถ้าเราเชื่อจะพังทันที และอาจเป็นต้นกำเนิดของการทำสื่อแบบผิด ๆ ที่จะไปลดทอนความน่าเชื่อถือคนทำงานสื่อ เพราะเรามีหน้าที่สร้างมัน ไม่ใช่มันสร้างเรา"